เมนู

10. จูฬอัสสปุรสูตร


[479] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จอยู่ในอังคชนบท มีนิคมของชาว
อังคะ ชื่ออัสสปุระ ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายแล้ว.
ภิกษุทั้งหลายทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว. พระผู้มีพระภาค
เจ้าได้ตรัสดำนี้ไว้ว่า คนเขารู้จักท่านทั้งหลายว่าสมณะๆ ดังนี้ ถึงท่านทั้งหลาย
เล่า เมื่อมีคนมาไต่ถามว่า ท่านทั้งหลายเป็นอะไร ท่านทั้งหลายก็ปฏิญญาตัวว่า
เราเป็นสมณะ เมื่อท่านทั้งหลายมีชื่อว่าสมณะ และปฏิญญาตัวว่าเป็นสมณะ
อยู่อย่างนี้แล้ว ก็จำต้องสำเหนียกว่า ข้อปฏิบัติสิ่งใดสมควรแก่สมณะ เราจัก
ปฏิบัติข้อปฏิบัติสิ่งนั้น เมื่อความปฏิบัติของเราอย่างนี้มีอยู่ ชื่อแลคำปฏิญญา
ของเรานี้ก็จักเป็นจริง อนึ่ง เราบริโภคจีวรบิณฑบาตเสนาสนะ และคิลาน-
ปัจจัยเภสัชชบริกขาร ของทายกเหล่าใด ความอุปการะเกื้อหนุนของเขาใน
เราทั้งหลายก็จักมีผลใหญ่ มีอนิสงส์ใหญ่ อนึ่ง บรรพชาของเรา ก็จักไม่
เป็นหมัน ไม่เปล่าจากประโยชน์ และจักประกอบด้วยผล ประกอบด้วยกำไร ดังนี้.

[480] ภิกษุเป็นผู้ปฏิบัติปฏิปทาชอบเป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้ง
หลาย รูปใดรูปหนึ่งเป็นผู้มีอภิชฌา คือความเพ่งเล็งพัสดุของผู้อื่น
มาก ละอภิชายังไม่ได้ เป็นผู้มีใจพยาบาท คือคิดล้างผลาญสัตว์ให้ฉิบ
หาย ละพยาบาทยังไม่ได้ เป็นผู้มักโกรธ ละความโกรธยังไม่ได้ เป็นผู้มักถือ
โกรธ ละความถือโกรธยังไม่ได้ เป็นผู้มักมีความลบหลู่คุณ ละความลบหลู่ยัง
ไม่ได้ เป็นผู้มักถือเป็นคู่แข่งดี ละความถือเป็นคู่แข่งดียังไม่ได้ เป็นผู้มักริษยา
ละความริษยายังไม่ได้ เป็นผู้ตระหนี่ ละความตระหนี่ยังไม่ได้ เป็นผู้
มักอวดตัว ละความอวดตัวยังไม่ได้ เป็นผู้มีมายา คือบังโทษตนไว้ ละมายายัง